DIAMOND DUST เปลี่ยนน้ำแข็งธรรมดา เป็นสินค้าเกรดพรีเมียม

            ในทุกๆ ธุรกิจสามารถที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการของตนเองได้ทั้งสิ้น แม้แต่น้ำแข็งธรรมดาๆ กิโลกรัมละไม่กี่บาทที่เราเห็นอยู่ทั่วไปในท้องตลาด ก็สามารถทำให้กลายเป็นสินค้าพรีเมียมที่ขายได้ในราคาแพงกว่าคู่แข่งได้เช่นกัน เหมือนกับที่น้ำแข็งแบรนด์ Diamond Dust สามารถที่จะยกระดับสร้างมาตรฐานโรงงานน้ำแข็งให้โดดเด่นด้วยคุณภาพ จนทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจ ซึ่งแต่แม้ธุรกิจยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มยังยอมที่จะจ่ายแพงกว่าราคาท้องตลาดทั่วไป เพื่อให้ได้น้ำแข็งคุณภาพเกรดพรีเมียม

เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ Diamond Dust เกิดจาก 2 ผู้บริหารหนุ่ม คุณยศพล วัธนเวคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนยศ น้ำแข็ง จำกัด  และ คุณจิรภัทร วัธนเวคิน  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตน้ำแข็งไทยขนส่ง จำกัด ซึ่งร่วมมือกันในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจน้ำแข็ง



คุณยศพล เล่าให้ฟังว่า ธนยศ น้ำแข็ง เป็นโรงงานที่สร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดน้ำแข็ง ซึ่งเป็นการพัฒนามาจากโรงน้ำแข็งสำโรง ซึ่งเป็นธุรกิจดั่งเดิมมีอายุมากกว่า 60 ปี พร้อมๆ กับการเปิดตัว "บริษัท ผลิตน้ำแข็งไทยขนส่ง จำกัด" เพื่อดูแลการจัดส่งน้ำแข็งในไลน์พรีเมียมโดยเฉพาะ เนื่องจากเล็งเห็นถึงปัญหาในการขนส่งน้ำแข็งที่ไม่ได้มาตรฐานและการบริหารจัดการที่ดี จึงคิดที่จะสร้างบริการที่แตกต่างขึ้นมา เพื่อช่วยยกระดับให้แบรนด์ Diamond Dust ไม่ได้มีคุณภาพแค่ตัวน้ำแข็งอย่างเดียว แต่รวมไปถึงระบบการขนส่งที่รวดเร็ว สะอาด และได้มาตรฐานด้วย

“อย่างที่เราเห็นการจัดส่งน้ำแข็งในท้องตลอดทั่วไป มักใส่ในกระสอบ จะเป็นรถเก่า มีผ้าใบคลุม น้ำไหลลงพื้นตลอดเวลา เลยเกิดแนวคิดที่อยากจะทำสายจัดส่งขึ้นมาเอง เพื่อจะควบคุมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เรามีโรงงานผลิตที่ดี เราก็ต้องมีระบบการจัดส่งที่ดีด้วย และท้ายที่สุดลูกค้าก็ต้องมีการจัดเก็บที่ดีเหมือนกัน โรงงานผลิตดียังไง มีระบบจัดส่งได้มาตรฐานแค่ไหน แต่พอไปถึงลูกค้า เอาไก่มาแช่รวมกับน้ำแข็ง ความสะอาดทั้งหมดที่สร้างมาทั้งเชนก็จะเสียไป ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีการสร้าง DC (Distribution Center) หรือจุดกระจายสินค้าขึ้นมา พร้อมกับมีการบริการเตรียมลังน้ำแข็งสำหรับให้ลูกค้าจัดเก็บ โดย DC แห่งแรกของเราอยู่ที่ เมกะบางนา” 




ในแง่ของกระบวนการผลิตน้ำแข็งนั้น คุณยศพล ย้ำถึงคุณภาพว่า ทุกขั้นตอนตั้งแต่รับน้ำประปาเข้ามา ผ่านเครื่องกรองต่าง ๆ จนเข้าสู่เครื่องจักรผลิตเป็นน้ำแข็งและส่งต่อไปยังเครื่องแพ็กอัตโนมัติในขั้นตอนสุดท้าย จะไม่มีคนสัมผัสเลย และจากนั้นก็จะลำเลียงเข้าสู่ระบบการขนส่งที่เป็นรถห้องเย็นปิดผนึก เพื่อกระจายต่อไปยังลูกค้าต่างๆ ทำให้มั่นใจได้ว่า น้ำแข็งภายใต้แบรนด์ Diamond Dust นั้นสะอาด ปลอดภัย ไม่มีสิ่งปนเปื้อนอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ จึงสามารถที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้น้ำแข็งของเขาได้ โดยที่ราคานั้นสูงกว่าท้องตลาดทั่วไป 5-10 %


 “กลุ่มลูกค้าของ Diamond Dust คือกลุ่มที่เลือกจะใช้น้ำแข็งที่มีคุณภาพ ในราคาที่แพงกว่าสัก 5-10 % เป็นกลุ่มลูกค้าที่คิดว่า ถ้าเอาวัสดุตัวนี้เข้าไปใช้ในร้านอาหารแล้วจะไม่เกิดปัญหา ยกตัวอย่างถ้าเดือนหนึ่งลูกค้ามียอดซื้อน้ำแข็งล้านหนึ่ง เมื่อเทียบกับเจ้าอื่น เขาอาจจะจ่ายแพงขึ้น 30,000-40,000 บาท แต่เมื่อเทียบแล้ว หากมีเหรียญหรือน็อตสักตัว หล่นไปอยู่ในแก้วกาแฟ มันไม่คุ้มเลยที่เขาจะเสี่ยง ดังนั้นลูกค้าของ Diamond Dust จึงเป็นกลุ่มลูกค้าพรีเมียม ที่ต้องการความมั่นใจว่าเขาจะได้สินค้าที่สะอาดและมีคุณภาพจริง ๆ ”


พร้อมกันนี้ คุณจิรภัทร ในฐานะหัวเรือใหญ่ดูแลด้านการตลาดและการจัดส่งน้ำแข็งของแบรนด์ Diamond Dust ให้มุมมองเพิ่มเติมว่า ในตลาดนั้นมีลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ทั้งแบบที่สนใจเรื่องของราคาอย่างเดียว กับกลุ่มที่ราคาก็เป็นประเด็น แต่เรื่องคุณภาพก็สำคัญ ซึ่งในกลุ่มหลังนี้คือ ลูกค้าเป้าหมายของแบรนด์ ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าหลักๆ คือ ร้านกาแฟอเมซอน  ร้านกาแฟอินทนิล เป็นต้น เนื่องจากกลุ่มนี้เขาค่อนข้างให้ความสำคัญกับน้ำแข็ง เนื่องจากเป็นส่วนประกอบหนึ่งในตัวสินค้าของเขาเลย จึงต้องมุ่งเน้นคุณภาพมากๆ ซึ่งการทำความเข้าใจกับลูกค้า จะทำให้แบรนด์สามารถโฟกัสได้ว่าลูกค้ากลุ่มไหนมีความต้องการสินค้าของ Diamond Dust


นอกจากนี้ Diamond Dust ยังสามารถที่จะให้บริการส่งน้ำแข็งแก่ลูกค้าได้ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ถือเป็นการทลายข้อจำกัดของธุรกิจน้ำแข็งเดิม ที่จะดูแลลูกค้ากันเฉพาะในพื้นที่ตั้งของโรงงาน 


อย่างไรก็ดี คุณจิรภัทรทิ้งท้ายด้วยว่า ในทุกตลาดสินค้าไม่ว่าอะไรก็ตาม ผู้บริโภคต้องการได้สินค้าที่มีคุณภาพ หากแต่ผู้ผลิตมักจะลืมและไม่ได้ใส่ใจในคุณภาพสินค้าของตัวเองตลอดเวลา จึงทำให้เกิดข้อผิดพลาดหรือการไม่พัฒนาต่อ ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ยาก ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่ประกอบการต้องทำ นั่นคือ ใส่ใจ ทุ่มเท และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าถ้าผู้ประกอบการสามารถทำ 3 อย่างนี้ได้ คุณจะมีสินค้าคุณภาพไว้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ตลอดเวลา


Credit : บทความจาก businesslinx

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สินค้าและบริการ

ลูกค้าของเรา